ไมเกรน สามารถบรรเทาได้โดยไม่ต้องใช้ยา

367

อาการปวด ไมเกรน ถือว่าเป็นโรคฮิตในปัจจุบันก็ว่าได้ โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างซึ่งหากเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถบรรเทาอาการได้

ไมเกรน

อาการปวดหัว ไมเกรน คืออะไร

อาการปวดไมเกรนมักจะปวดหัวตุบ ๆ ปวดมากปวดน้อยแล้วแต่ความรุนแรงของอาการ อาจะปวดเพียงก้านใดด้านหนึ่ง หรือปวดทั้งสองข้างก็ได้ หากมีอาการรุนแรงอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีแรง ความรู้สึกไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น

สาเหตุของการปวดหัวไมเกรน

ในปัจจุบันยังหาสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่ได้ แต่ปัจจัยที่ทำให้ปวดหัวก็อย่างเช่น ความเครียด การใช้ยาบางอย่าง นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนมากไป ไม่ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายมากไป การอดคาเฟอีน การสูบบุหรี่ การอดอาหาร อยู่ในสถาพแวดล้อมที่เสียงดัง แสงจ้า กลิ่นแรง หรือสภาพอากาศเปลี่บนฉับพลัน หากเป็นผู้หยิงอาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นต้น

การบรรเทาอาการปวด ไมเกรน โดยไม่ต้องใช้ยา

ส่วนใหญ่การบรรเทาอาการปวด มักจะใช้ยาแก้ปวดเช่น sumatriptan แต่ก็มีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยได้โดยไม่ต้องใช้ยาเช่นกัน โดยมีดังต่อไปนี้

การกดจุด – มีการพบว่าการกดจุดในผู้ป่วยที่ไม่เห็นแสงวูบวาบสามารถบรรเทาอาการได้ โดยจุดที่กดก็คือบริเวณ เหนือส้นมือ (มาทางข้อพับ) ประมาณ 3 นิ้ว หรือจะกดจุดระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ค้างไว้ ประมาณ 5 นาที

ดมน้ำมันหอมระเหย – การน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หายเครียดได้ จึงช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยบางรายได้

ทานขิง (ผง) – การทานขิงผงมีประสิทธิภาพแก้ปวดได้พอ ๆ กับการทานยา sumatriptan แต่หารใช้ขิงผลนั้นไม่มีอาการข้างเคียงใด ๆ เว้นเสียแต่ผู้ป่วยจะแพ้ขิงอยู่แล้ว

เล่นโยคะ – การเล่นโยคะ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สามารถขจัดความเครียดได้ ทำให้ผ่อนคลายนอนหลับสบาย ทำให้ลดอาการปวดไมเกรนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ทานอาหารที่อุดมไปด้วย แมกนีเซียม – การที่ร่างกายขาดแมกนีเซียมเป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ปวดหัวแบบมีแสงวูบวาบ อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมก็อย่างเช่น ผักใบเขียว ข้าวโพด ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ เมล็ดทานตะวัน และหอยนางรม เป็นต้น หรือจะกินอาหารเสริมแมกนีเซียมก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามหากรู้สึกปวดหัวไมเกรนแบบรุนแรง หรือเรื้อรังมาก ๆ ควรจะไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาจะดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา ฝังเข็ม หรือฉีดโบท็อกซ์  เพราะจะมีประสิทธิภาพมากกว่า