รถสตาร์ทไม่ติด สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากอะไร ควรแก้ไขยังไง

325

ปํญหาผู้ที่ใช้รถส่วนใหญ่ต้องเคยเจอก็คือ รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งสร้างความหงุดหงิด ไม่น้อยยิ่งหากกำลังรีบ ๆ การที่รถสตาร์ทติดยาก หรือไม่ติดเลยก็มีหลายปัจจัย โดยเราได้รวมเอาสาเหตุหลัก ๆ พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้นมาแนะนำกันดังนี้

รถสตาร์ทไม่ติด

  1. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะขั้วแบตเตอรี่สกปรก – หลวม

หากรถของคุณสตาร์ไม่ติดสิ่งแรกที่ควรทำให้เช็กที่ขั้วแบตฯ ดู ว่าหลวมหรือไม่ หรือมีสิ่งสกปรกอย่างคราบขาว ๆ เหมือนเกลือติดอยู่หรือเปล่า เพราะถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่จ่ายไฟไม่ได้ ให้ลองใช้แปลง หรือกระดาษทรายค่อย ๆ ขัดแล้วใส่เข้าไปขันให้แน่น แล้วลองสตาร์ทดู

  1. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะแบตเตอรี่เสื่อม – หรือหมด

แบตเตอรี่เสื่อม หรือหมด เป็นสาเหตุต้น ๆ ที่ทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด การที่แบตเตอรี่เสื่อมมาจากการใช้งานจนหมดอายุซึ่งโดยปกติจะใช้งานได้ประมาณ 2 ปี วิธีแก้ไขก็คือต้องเปลี่ยนลูกใหม่ ส่วนแบตเตอรี่หมดอาจจะมาจากการที่เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้นาน ๆ วิธีแก้ไขก็ใช้วิธีจั๊มแบตฯ

  1. ไดชาร์จเสื่อม

เกี่ยวเนื่องมาจากข้อแรก หากทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เรียบร้อยแล้วรถก็ยังสตาร์ทไม่ติด หรือสตาร์ทติดยาก ขับไปแล้วดับดื้อ ๆ ก็สันนิษฐานได้ว่าไดชาร์จของรถ เป็นอุปกรณ์จ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่ และคอยสร้างกระแสไฟฟ้าขณะที่เราใช้รถ วิธีเช็กก็คือสตาร์ทรถทิ้งไวแล้วสักพัก แล้วถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหนึ่งข้าง หารถมีอการกระตุกหรือดับก็หมายความว่าไดชาร์จเสื่อมแล้วนั่นเอง

หรือกรณีจั๊มแบต แล้วยังไม่ติด ก็เป็นไปได้ว่าไดชาร์จเสีย ส่วนอาการที่บ่งบอกว่าไดชาร์จเสียก็อย่างเช่น แอร์ไม่เย็นโดยไม่มีสาเหตุ ไฟหน้าไม่สว่าง วิธีแก้ไขก็คือเข้าอู่ซ่อมเท่านั้น

  1. ไดสตาร์ทมีปัญหา

หลังจากแก้ปัญหาทุกทางแล้วทั้งจั๊มแบตฯ ทั้งเปลี่ยนแบตฯ รถสตาร์ทไม่ติด อีกก็เป็นไปได้ว่าไดสตาร์ทมีปัญหา วิธีเช็กก็คือให้ดูแผงหน้าปัดไฟ ซึ่งถ้าไฟแบตเตอรี่ขึ้นสตาร์ทแล้วมีเสียงแชะ ๆ และสตาร์ทไม่ติดเป็นไปได้แล้วว่า มอร์เตอร์สตาร์ทรถของคุณมีปัญหา วิธีแก้ก็ให้ช่างเช็กดู

  1. ปั๊มติ๊กเสีย

ปั๊มติ๊กคือตัวส่งน้ำมันไปที่เครื่องยนต์ หากเสียจะทำให้ไม่สามารถจุดระเบิดเครื่องเครื่องยนต์ได้ ซึ่งรถในปัจจุบันไม่มีอุปกรณ์ตัวนี้แล้ว หากใครใช้รถรุ่นใหม่ก็หมดห่วง ส่วนใครใช้รถรุ่นเก่าสาเหตุก็มาจาก ให้ไฟเตือนโชว์ว่า

ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ รถสตาร์ทไม่ติด หากต้องการการป้องกัน หรือแก้ปัญหาระยะยาวก็ควรหมั่นเอารถไปตรวจเช็กเป็นประจำจะดีที่สุด ดีกว่าจะมาสตาร์ทไม่ติดตอนที่รีบใช้งานรถ