ใครหลายคนที่เลี้ยงสุนัข มักเลือกที่จะนำสุนัขไปทำหมัน เพื่อลดปัญหาเมื่อถึงฤดูติดสัตว์ และอาจช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ในขณะเดียวกันก็มีโรคบางอย่างที่ต้องระวังในสุนัขที่ผ่านการทำหมันแล้ว การรู้จักโรคเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของสามารถดูแลสุนัขได้ดีขึ้น และป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้
โรคที่พบได้บ่อยในสุนัขที่ทำหมัน
การทำหมันสุนัขคือการกำจัดต่อมเพศออกไป ซึ่งการทำหมันนิยมทำในสุนัขเพศผู้เสียส่วนมาก ซึ่งหลังจากทำหมันแล้วอาจเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง เช่น
1.โรคอ้วนและโรคเบาหวาน
หลังจากทำหมัน สุนัขมักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายช้าลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้สุนัขที่ทำหมันมีแนวโน้มที่จะอ้วนขึ้น หากไม่ได้รับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ความอ้วนอาจนำไปสู่โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้ฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้มีน้ำตาลในเลือดสูง
2.โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะและระบบปัสสาวะ
การทำหมันสุนัขสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ก็มีรายงานว่าหลังการทำหมัน สุนัขบางตัวมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะหรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบปัสสาวะได้มากขึ้น โดยเฉพาะในสุนัขเพศหญิงที่ทำหมันเร็วเกินไป
3.โรคข้ออักเสบและปัญหาข้อต่อ
การทำหมันสุนัขอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและข้อต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนัขที่ทำหมันตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากฮอร์โมนเพศมีบทบาทในการควบคุมการเจริญเติบโตของกระดูกและข้อต่อ การทำหมันเร็วเกินไปอาจทำให้กระดูกเติบโตผิดปกติ เสี่ยงต่อการเป็นโรคข้ออักเสบในระยะยาว โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์ใหญ่
4.โรคเกี่ยวกับฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ
หลังจากทำหมัน สุนัขอาจมีการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) โรคนี้ทำให้สุนัขมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้น ขนหลุดร่วง หรือผิวหนังแห้งและหนา
5.โรคทางจิตใจและพฤติกรรม
แม้ว่าการทำหมันจะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวในสุนัขบางตัว แต่ก็อาจทำให้สุนัขบางตัวมีอาการซึมเศร้า เบื่อหน่าย หรือรู้สึกไม่กระฉับกระเฉง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จึงควรให้ความรักและการเอาใจใส่ต่อสุนัขอย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าการทำหมันสุนัขจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ควรระวังโรคและปัญหาสุขภาพบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น โรคอ้วน โรคระบบปัสสาวะ โรคข้ออักเสบ และโรคเกี่ยวกับฮอร์โมน การหมั่นสังเกตอาการและดูแลสุนัขอย่างใกล้ชิด รวมถึงการปรึกษาสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สุนัขของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว